ภาวะไตอักเสบจากโรคลูปัส ภาวะแทรกซ้อนอันตรายจากโรค SLE รบกวนการทำงานของไตและอาจนำไปสู่ภาวะไตวาย การรับรู้และรักษาในเวลาที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิต ภาวะไตอักเสบจากโรคลูปัส: อาการ ภาวะแทรกซ้อน และวิธีรับมือเป็นอย่างไร เราไปค้นหาพร้อมกันในบทความกันเถอะ!
1. ภาวะไตอักเสบจากโรคลูปัสคืออะไร?
ภาวะไตอักเสบจากโรคลูปัสเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรค SLE หรือโรคแพ้ภูมิตัวเองชนิดหนึ่ง ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันจะโจมตีเนื้อเยื่อและอวัยวะที่แข็งแรง ในผู้ป่วยภาวะไตอักเสบจากโรคลูปัส ระบบภูมิคุ้มกันจะโจมตีไต ก่อให้เกิดอาการอักเสบและความเสียหาย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะไตวายหากไม่ได้รับการรักษ
เพศหญิงมีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะไตอักเสบในโรคลูปัสมากกว่าเพศชาย 9-10 เท่า นอกจากนี้ โดยปกติโรคมักปรากฏในเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) แต่ในทางตรงกันข้าม เพศชายมีแนวโน้มป่วยหนักมากกว่า พร้อมอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สูงกว่า
จากการระบุของสมาคมโรคไตระหว่างประเทศและสมาคมพยาธิวิทยาโรคไต ภาวะไตอักเสบจากโรคลูปัสแบ่งแยกเป็น 6 ชนิดหลักอิงจากผลการตรวจชิ้นเนื้อไต:
- ภาวะไตอักเสบจากโรคลูปัสแบบกลางโมน้อยที่สุด (ประเภท I): พบประมาณ 5% ของผู้ป่วยที่ไม่มีอาการทางคลินิกของโรคไต การตรวจปัสสาวะและการทำงานของไตเป็นปกติ
- โรคไตอักเสบชนิดลูปัสชนิดเซลล์เม็ดเลือดขาวแบบโปรลิเฟอเรทีฟ (ชนิดที่ II): พบประมาณ 20% ของผู้ป่วย อาจมีภาวะปัสสาวะเป็นเลือดจากกล้องจุลทรรศน์และ/หรือโปรตีนในปัสสาวะ
- โรคไตอักเสบชนิดลูปัสแบบเฉพาะที่ (ชนิดที่ III): พบประมาณ 25% ของผู้ป่วย มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด โปรตีนในปัสสาวะ อาจมีร่วมกับภาวะกลุ่มอาการไตเสื่อม โรคความดันโลหิตสูง และระดับครีเอตินีนในเลือดสูง
- โรคไตอักเสบชนิดลูปัสแบบแพร่กระจาย (ชนิดที่ IV): พบประมาณ 40% ของผู้ป่วย โดยทั่วไปจะมีอาการปัสสาวะเป็นเลือดและโปรตีนในปัสสาวะ มักมีภาวะกลุ่มอาการไตเสื่อมร่วมด้วย โรคความดันโลหิตสูง ครีเอตินีนในปัสสาวะสูง และอาจนำไปสู่ภาวะไตวาย
- โรคไตอักเสบชนิดลูปัสแบบเยื่อบุ (ชนิดที่ V): พบประมาณ 10% ของผู้ป่วย มีอาการบ่งชี้ภาวะกลุ่มอาการไตเสื่อม ภาวะปัสสาวะเป็นเลือดจากกล้องจุลทรรศน์ และโรคความดันโลหิตสูง
- โรคไตอักเสบชนิดลูปัสแบบพังผืดคืบหน้า (ชนิดที่ VI): ภาวะสุดท้ายนี้มีลักษณะเป็นความผิดปกติของการทำงานของไตที่ค่อยๆ แย่ลงเรื่อยๆ พร้อมตะกอนในปัสสาวะที่ค่อนข้างจาง=
2. อาการของโรคไตอักเสบจากโรคลูปัส
โรคไตอักเสบจากโรคลูปัส ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงของโรคแพ้ภูมิตัวเองกลุ่มรูมาติกชนิดหนึ่ง มักจะค่อยๆ ลุกลามไปในช่วง 5 ปีแรกหลังจากมีอาการของโรค SLE เริ่มแรก ซึ่งทำให้การตรวจพบและการวินิจฉัยโรคนั้นยากยิ่งขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม อาการทั่วไปบางประการได้แก่:
- อาการบวมน้ำ: อาการบวมที่ใบหน้า ข้อเท้า เท้า หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายอันเนื่องมาจากการสะสมของของเหลว อาการบวมนั้นอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตั้งแต่แบบเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง
- ความดันโลหิตสูง: อันเนื่องมาจากความเสียหายของไตที่ส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมความดันโลหิต จำเป็นต้องมีการติดตามและควบคุมความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด
- ความเมื่อยล้า: ความรู้สึกหมดแรงและขาดพลังอันเนื่องมาจากภาวะโลหิตจางและความเสียหายของไต ความเมื่อยล้าอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
- ปัสสาวะเป็นเลือด: อาจมองเห็นเลือดในปัสสาวะได้ด้วยตาเปล่าหรือตรวจพบจากการตรวจปัสสาวะเท่านั้น อาการนี้นับเป็นสัญญาณเตือนสำคัญของความเสียหายของไตอันเนื่องมาจากการอักเสบ
- ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลง: การลดลงอย่างผิดปกติของปริมาณปัสสาวะ (ปัสสาวะน้อย) หรือการเพิ่มขึ้นของปริมาณปัสสาวะ (ปัสสาวะบ่อย) ความเปลี่ยนแปลงนี้อาจเกิดจากความเสียหายของไตที่ส่งผลต่อการทำงานในการกรองและขับปัสสาวะ
- การทำงานของไตเปลี่ยนไป: การตรวจปัสสาวะและเลือดอาจตรวจพบโปรตีน เซลล์เม็ดเลือด และของเสียอื่นๆ ในปัสสาวะ ซึ่งเป็นสัญญาณของความเสียหายของไต การทำงานของไตที่ลดลงอาจนำไปสู่ภาวะไตวายหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นๆ เช่น
ปวดข้อและกล้ามเนื้อ เป็นไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ผิวหนังมีปัญหา (ผื่น โลน)
3. ภาวะแทรกซ้อนของโรคไตอักเสบจากโรคลูปัส
โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสเป็นโรคที่ร้ายแรงหากไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาอย่างทันท่วงที การรักษาอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสามารถช่วยควบคุมโรค ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ป่วยได้
ภาวะไตวาย: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุดของโรคไตอักเสบจากโรคลูปัส ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะไตวายเกิดขึ้นเมื่อความเสียหายจากการอักเสบทำให้ไตไม่สามารถกรองและขับของเสีย สารพิษออกจากร่างกายได้อีกต่อไป
ความดันโลหิตสูง: โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสยังมักจะทำให้ความดันโลหิตสูงเนื่องจากความเสียหายของไตส่งผลกระทบต่อความสามารถในการควบคุมความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงที่ยาวนานอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้มากมาย เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
กลุ่มอาการไตเสื่อม: เป็นภาวะที่มีความเสียหายต่อเยื่อกรองในไตนำไปสู่การรั่วไหลของโปรตีนลงในป
ภาวะติดเชื้อ: โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ผู้ป่วยจึงมีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้นโดยเฉพาะการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ
โรคกระดูกพรุน การใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อรักษาโรคไตอักเสบจากโรคลูปัสอาจนำไปสู่โรคกระดูกพรุน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหัก
ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และภาวะหัวใจล้มเหลว
- ภาวะแทรกซ้อนทางโลหิต: โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดผิดปกติ เช่น ภาวะโลหิตจางและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ หญิงมีครรภ์ที่เป็นโรคไตอักเสบชนิดลูปัสจะมีความเสี่ยงสูงที่จะแท้งบุตร ทารกตายในครรภ์ คลอดก่อนกำหนด เป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ และภาวะครรภ์เป็นพิษ
- ความดันโลหิตสูง: โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เนื่องจากไตมีศักยภาพในการควบคุมความดันโลหิตที่ลดลง
- ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด: โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
ไตเป็นแผลเป็น: โรคไตอักเสบจากโรคลูปัสเรื้อรังอาจทำให้เกิดแผลเป็นที่ไต ซึ่งจะลดการทำงานในการกรองและขับของเสียออกจากร่างกาย
ความรุนแรงและความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนของโรคไตอักเสบจากโรคลูปัสจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของโรค ระยะเวลาของการป่วย ผลของการรักษา และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
การรักษาโดยเร็วและได้ผลจะช่วยควบคุมโรค ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ป่วย
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตอักเสบจากโรคลูปัส โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำในการรักษาของแพทย์อย่างเคร่งครัด ติดตามสุขภาพเป็นประจำ และแจ้งให้แพทย์ทราบเมื่อมีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น
4. โรคไตอักเสบจากลูปัสรักษาให้หายได้หรือไม่?
แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาโรคไตอักเสบจากลูปัสให้หายขาด แต่การรักษาแผนใหม่ในปัจจุบันได้ผลดีในการควบคุมอาการ ชะลอการดำเนินของโรค และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
4.1 การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของผู้ป่วยโรคไตอักเสบจากลูปัส
ไตเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญในการกรองและขับของเสียออกจากร่างกาย เพื่อปกป้องสุขภาพของไตและลดอาการของโรคไตอักเสบจากลูปัส ผู้ป่วยจึงต้องสร้างนิสัยการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: น้ำช่วยลำเลียงสารอาหารไปยังไตและกำจัดของเสียออกทางปัสสาวะ ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำที่จำเป็นอาจแตกต่างกันไปตามความต้องการของร่างกายและสภาพสุขภาพ
รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม: การกินเกลือมากอาจทำให้ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ไตเสียหาย จึงควรกินเกลือในปริมาณไม่เกิน 6 กรัมต่อวัน
รับประทานโปรตีนน้อย: หากการทำงานของไตเสื่อมลง ผู้ป่วยต้องลดปริมาณโปรตีนที่รับประทานลงเพื่อลดภาระของไต
รักษาสมดุลระหว่างโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส: อาหารบางชนิดมีโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แต่หากรับประทานมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อไตได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ช่วยการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด และเพิ่มสุขภาพโดยรวม ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยในการปกป้องไต
ควบคุมความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ไตวาย จึงควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง
เลิกสูบบุหรี่และจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อไตและอวัยวะอื่นๆ อีกจำนวนมากในร่างกาย
จำกัดการใช้ยา บางชนิดของยา โดยเฉพาะยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) อาจมีผลต่อการทำงานของไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาใดๆ
4.2 การรักษาด้วยยา
โดยปกติ ผู้ป่วยโรคไตอักเสบจากโรคลูปัสจะได้รับการสั่งจ่ายยาและรูปแบบการรักษาตามรายการยาต่อไปนี้:
Corticosteroid: กลุ่มยาชนิดนี้คือกลุ่มที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคไตอักเสบจากโรคลูปัส ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบและกดภูมิคุ้มกัน
ยาที่กดภูมิคุ้มกัน: ช่วยควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดการทำลายไต
ยาขับปัสสาวะ: ช่วยลดความดันโลหิต ลดอาการบวมน้ำ และควบคุมปัสสาวะที่มีโปรตีน
ยาควบคุมความดันโลหิต: ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของระบบหัวใจและหลอดเลือด
4.3 การล้างไตในผู้ป่วยที่เป็นภาวะไตวายเรื้อรังขั้นรุนแรง
สำหรับผู้ป่วยโรคไตอักเสบชนิดลูปัสที่ลุกลามจนกลายเป็นภาวะไตวาย การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาชีวิตและเพิ่มคุณภาพชีวิต สองวิธีการรักษาหลักสำหรับกลุ่มผู้ป่วยนี้ ได้แก่
ล้างไตด้วยเครื่องไตเทียม: การล้างไตด้วยเครื่องไตเทียม (HD) คือวิธีที่ใช้อุปกรณ์เพื่อกำจัดของเหลวและของเสียส่วนเกินออกจากเลือดเมื่อไตไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น อ่อนเพลีย, เกร็ง, คลื่นไส้, ความดันโลหิตต่ำ …
การปลูกถ่ายไต: การปลูกถ่ายไตคือวิธีการย้ายไตที่แข็งแรงจากผู้บริจาคไปยังผู้ป่วยภาวะไตวาย เช่นเดียวกับวิธีข้างต้น วิธีนี้มีข้อจำกัดที่สำคัญก็คือมีความเสี่ยงที่ร่างกายจะไม่ยอมรับไตที่บริจาคมาและอาจพบความยากลำบากในการหาผู้บริจาคไตที่เข้ากันได้
5. Nepro – นมคอลอสตรัมสำหรับช่วยป้องกันภาวะไตวายลุกลามจากโรคไตอักเสบชนิดลูปัส
นม Nepro คือผลิตภัณฑ์โภชนาการที่ใช้สำหรับผู้ป่วยโรคไตโดยเฉพาะที่พัฒนาโดย Newtree Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อปกป้องสุขภาพสำหรับผู้บริโภค ด้วยสูตรทางวิทยาศาสตร์ที่จัดหาสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและเหมาะกับความต้องการด้านโภชนาการของผู้ป่วย ช่วยสนับสนุน:
ควบคุมปริมาณโปรตีน: นม Nepro มีปริมาณโปรตีนต่ำ (เพียง 2.3 g/100 ml) ซึ่งช่วยลดภาระให้ไตและจำกัดความเสี่ยงภาวะไตวายที่ลุกลาม
ลดปริมาณโซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส: Nepro ควบคุมปริมาณโซเดียม, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัสอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นแต่ก็อาจเป็นอันตรายต่อไตหากได้รับมากเกินไป
ให้วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ: นม Nepro เสริมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและบำรุงสุขภาพโดยรวม
ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ: Nepro มีกรดไขมัน OMEGA 3, 6 และเส้นใยที่ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคไต
ปรับปรุงระบบทางเดินอาหาร: นม Nepro เติมพรีไบโอติกส์ที่ช่วยสนับสนุนระบบทางเดินอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหาร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นม Nepro สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ภาวะไตเสื่อมลุกลามจากโรคไตอักเสบจากโรคไตอักเสบชนิดลูปัส เนื่องจาก:
ลดการอักเสบ: นม Nepro มีส่วนผสมที่ต่อต้านการอักเสบ เช่น สังกะสี, ซีลีเนียม, วิตามิน E ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกาย จึงช่วยปกป้องไต
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: นม Nepro ให้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายต่อสู้กับสิ่งที่เป็นอันตรายได้ ปกป้องไตจากการถูกทำลาย
ปรับปรุงการทำงานของไต: นม Nepro ช่วยควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้ไตถูกทำลายได้ดี เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง ช่วยให้ไตทำงานดีขึ้น
“มาดื่มนมคอลอสตรัม Nepro เพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและคนที่คุณรักตั้งแต่วันนี้!”