ไตวายเป็นโรคที่มีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นทุกปี และอาจแย่ลงอย่างรวดเร็วหากไม่รักษาถูกวิธี ดังนั้นการเรียนรู้และใช้วิธีรักษาไตวายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผู้ป่วยเสมอ
1. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อช่วยรักษาภาวะไตวาย
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงภาวะไตวาย ด้านล่างนี้เป็นคำแนะนำเฉพาะเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรักษาสุขภาพและชะลอความเสียหายของไต:
- รับประทานโปรตีนในปริมาณและประเภทที่เหมาะสม: ผู้ป่วยที่ยังไม่ต้องฟอกไตควรบริโภคโปรตีน 0.6 ถึง 0.8 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน ควรเลือกโปรตีนชนิดดี เช่น เนื้อไม่ติดมัน ปลา หรือสัตว์ปีกที่ไม่มีหนัง เพื่อลดการลุกลามของโรค
- จำกัดไขมันอิ่มตัวและหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์: จำกัดไขมันอิ่มตัวให้น้อยกว่า 10% ของแคลอรี่ทั้งหมดในแต่ละวัน แทนที่อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น เนย น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ด้วยไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ซึ่งพบในปลาที่มีไขมัน น้ำมันมะกอก วอลนัท และน้ำมันพืชอื่นๆ อีกหลายชนิด
- เลือกอาหารและเครื่องดื่มที่มีฟอสฟอรัสต่ำ: ฟอสฟอรัสในเลือดมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคันผิวหนังและปวดกระดูกและข้อได้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น น้ำอัดลมสีเข้ม เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล และเสริมผักและผลไม้สดให้มากขึ้น
- ลดการบริโภคโซเดียม: โซเดียมและของเหลวส่วนเกินจะสะสมในร่างกายของผู้ที่เป็นโรคไต ดังนั้นจึงแนะนำให้บริโภคโซเดียมน้อยกว่า 2 กรัมต่อวัน เคล็ดลับได้แก่: หลีกเลี่ยงเกลือแกงและเครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมสูง ใช้สมุนไพรแทนเกลือ และจำกัดอาหารบรรจุห่อ
- ลดโพแทสเซียม: โพแทสเซียมพบได้ในผักและผลไม้หลายชนิด เช่น กล้วย มันฝรั่ง อะโวคาโด ส้ม และมะเขือเทศ ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมต่ำ เช่น แอปเปิ้ล แครนเบอร์รี่ พลัม สับปะรด และลูกพีช เพื่อควบคุมปริมาณโพแทสเซียมในร่างกาย
2. การใช้ยาควบคุมอาการเป็นวิธีการรักษาภาวะไตวาย
ผู้ที่เป็นโรคไตวายมักได้รับยาเพื่อให้อาการดีขึ้นและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรค นี่เป็นหนึ่งในวิธีที่แพทย์หลายคนแนะนำในการควบคุมภาวะไตวาย ด้านล่างนี้เป็นยาที่ใช้กันทั่วไป:
2.1. ยาลดความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงไม่ได้เป็นเพียงสาเหตุเท่านั้น แต่ยังเป็นภาวะแทรกซ้อนของภาวะไตวายอีกด้วย ดังนั้น แพทย์มักจะสั่งยาลดความดันโลหิต ซึ่งรวมถึง ACE inhibitors และ angiotensin II receptor blockers (ARBs) เพื่อรักษาการทำงานของไต อย่างไรก็ตามยากลุ่มนี้สามารถลดการทำงานของไตและเปลี่ยนระดับอิเล็กโทรไลต์ได้ ผู้ป่วยต้องตรวจเลือดเป็นประจำเพื่อติดตามสุขภาพของตนเอง แพทย์อาจสั่งยาขับปัสสาวะและแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำ
2.2. ยาลดอาการบวม
การสะสมของของเหลวเป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง ทำให้เกิดอาการบวม เพื่อรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย แพทย์มักสั่งยาขับปัสสาวะ
2.3. ยาควบคุมโพแทสเซียมในเลือด
เมื่อไตไม่สามารถกรองโพแทสเซียมออกจากเลือดได้ตามปกติ ระดับโพแทสเซียมในเลือดอาจสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะและกล้ามเนื้ออ่อนแรง แพทย์อาจแนะนำยา เช่น แคลเซียม กลูโคส หรือโซเดียมโพลิสไตรีนซัลโฟเนต เพื่อรักษาโพแทสเซียมในเลือดให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
2.4. ยาที่ลดระดับคอเลสเตอรอล
ปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในระดับสูงสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจในผู้ที่เป็นโรคไตได้ ดังนั้นแพทย์อาจสั่งยาสแตตินเพื่อลดคอเลสเตอรอล
2.5. ยาปกป้องกระดูก
การทำงานของไตลดลงอาจทำให้กระดูกอ่อนแอและมีความเสี่ยงต่อกระดูกหักมากขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเสริมแคลเซียมและวิตามินดีเพื่อปรับปรุงสุขภาพกระดูก นอกจากนี้ อาจใช้ยาที่เรียกว่าสารยึดเกาะฟอสเฟตเพื่อลดปริมาณฟอสเฟตในเลือด ช่วยป้องกันผนังหลอดเลือดจากความเสียหายที่เกิดจากการสะสมของแคลเซียม (กลายเป็นปูน)
3. การรักษาด้วยการเปลี่ยนไต
ในกรณีที่การทำงานของไตเกือบสูญเสียหมดแล้ว (ระยะ 3B ถึง 4) หรือทั้งหมด (ระยะ 5) หรือไตวายเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะต้องได้รับวิธีการเปลี่ยนไต วิธีการเหล่านี้รวมถึงการกรองเลือดเทียม (ฟอกไตทางช่องท้อง ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม) และปลูกถ่ายไต
3.1. การล้างไตทางช่องท้อง
วิธีนี้ใช้เยื่อบุช่องท้องเพื่อทำความสะอาดเลือด ของเหลวจะได้นำเข้าไปในช่องท้องผ่านทางสายสวน จากนั้นสารพิษ ของเสีย และน้ำส่วนเกินจะไหลเข้าสู่สารละลายในช่องท้องผ่านทางหลอดเลือดขนาดเล็ก หลังจากผ่านไปประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ของเหลวนี้จะถูกระบายออก และถุงของเหลวใหม่จะได้นำเข้าไปในช่องท้อง และวงจรนี้จะเกิดซ้ำ กระบวนการนี้เรียกว่าการฟอกไตทางช่องท้องแบบต่อเนื่อง (CAPD – Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis).
การล้างไตทางช่องท้องสามารถทำได้โดยใช้เครื่องที่ติดไว้กับสายสวนล้างไตทางช่องท้อง ที่เรียกว่าการล้างไตทางช่องท้องอัตโนมัติ (APD – Automated Peritoneal Dialysis).
ข้อดี: ผู้ป่วยสามารถทำได้ที่บ้าน สะดวกตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง และไม่ต้องควบคุมอาหารมากหนัก
ข้อเสีย: ต้องมีสายสวนในร่างกาย ผู้ป่วยไม่สามารถอาบน้ำหรือแช่น้ำได้เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ ต้องทำทุกวันและอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากมีของเหลวไหลเข้าสู่เยื่อบุช่องท้อง
3.2. การฟอกไต
วิธีนี้ใช้อุปกรณ์ในการทำความสะอาดเลือด เลือดจะได้นำออกจากร่างกายผ่านทางหลอดเลือดแดงดำ (เชื่อมต่อระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำที่ปลายแขนหรือต้นแขน) หรือการปลูกถ่ายหลอดเลือดแดงดำ (เชื่อมต่อระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำใกล้ข้อศอก) หรือท่อที่ฉีดเข้าไปในหลอดเลือดดำขนาดใหญ่ในคอ
จากนั้นเลือดจะได้ส่งผ่านเครื่องฟอกไตเพื่อกำจัดสารพิษ ของเสีย และน้ำส่วนเกิน จากนั้นจึงหมุนเวียนกลับเข้าสู่ร่างกาย การฟอกไตโดยปกติจะดำเนินการ 1 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 4 ชั่วโมง และต้องทำในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของแพทย์
3.3. การปลูกถ่ายไต
หากการกรองเลือดเทียมไม่ได้ผล ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการปลูกถ่ายไต หลังการปลูกถ่ายไต ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจะลดลงเมื่อเทียบกับการฟอกไต ในขณะที่ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจล้มเหลว ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจพบภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ไตอาจไม่ทำงาน (เรียกว่าการปฏิเสธไตเฉียบพลัน) ความเสี่ยงของการติดเชื้อและมะเร็งบางชนิด (เช่น มะเร็งผิวหนัง) เนื่องจากการใช้ยาป้องกันการปฏิเสธ และมีโอกาสเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และคอเลสเตอรอลสูงขึ้น
4. NEPRO – รักษาภาวะไตวายอย่างมีประสิทธิภาพหลังการรักษาเพียง 1 ครั้ง
ไตวายเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เพื่อสนับสนุนการรักษาและปรับปรุงสุขภาพของไต นมน้ำเหลือง NEPRO จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เนื่องจากมีองค์ประกอบทางโภชนาการที่เหนือกว่าและประสิทธิภาพที่โดดเด่น หลังจากการรักษาเพียงครั้งเดียว ผู้ป่วยหลายคนรู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นมน้ำเหลือง NEPRO มีส่วนผสมทางโภชนาการมากมาย เช่น นมน้ำเหลือง ถั่งเช่า เห็ดลิ้นจี่ โปรตีนคุณภาพสูง วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ไตและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์
ผู้ป่วยหลายคนมีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกหลังจากใช้น้ำนมเหลือง NEPRO เพียงคอร์สเดียว อาการไตวายดีขึ้น การทำงานของไตฟื้นตัว และสุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้น นมน้ำเหลือง NEPRO ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงการทำงานของไตเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนอีกด้วย
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ป่วยควรใช้น้ำนมเหลือง NEPRO ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักโภชนาการ การผสมน้ำนมเหลือง NEPRO เข้ากับการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ซึ่งมีเกลือต่ำและมีโปรตีนต่ำ จะช่วยรักษาภาวะไตวายได้ดีขึ้น
นมน้ำเหลือง NEPRO เป็นทางเลือกทางโภชนาการที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มีภาวะไตวาย โดยให้ผลการรักษาที่ชัดเจนหลังการใช้เพียงคอร์สเดียว ลองใช้น้ำนมเหลือง NEPRO ตอนนี้เพื่อปรับปรุงการทำงานของไตและยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณ